คนไทย นิยมปลูกและนิยมรับประทานผล “อะโวคาโด” อย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสายพันธุ์นำเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์จากต่างประเทศ มีหลากหลายสายพันธุ์ให้ผู้ปลูกเลือกปลูก จะมีข้อแตกต่างกันเพียงจุดเดียวคือ ขนาดของผลจะใหญ่เล็กไม่เท่ากัน ส่วนรสชาติทุกๆพันธุ์เหมือนกันหมด รวมทั้งคุณค่าทางอาหารด้วย ซึ่งสายพันธุ์ที่มีผลขนาดใหญ่และยอมรับกันทั่วไปได้แก่ “อะโวคาโดปีเตอร์แฮส” น้ำหนักเฉลี่ย 2.5 กรัมต่อผล “คุณบุญลือ สุขเกษม” เจ้าของสวน “บุญบันดาล” อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นำ “อะโวคาโด” พันธุ์ต่างๆเข้ามาปลูกใกล้กัน เวลามีดอกเกิดการผสมเกสรจากแมลงแบบธรรมชาติ ทำให้เกิด “อะโวคาโด” สายเลือดไทยขึ้นมาใหม่ ผลมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างชัดเจน ที่สำคัญจะมีดอก และติดผลดกมากตามฤดูกาล และต้นไม่ได้สูงใหญ่เหมือนต้น “อะโวคาโด” ทั่วไปด้วย จึงทำให้ “อะโวคาโด”สายเลือดไทยดังกล่าว ได้รับความนิยมปลูกและนิยมรับประทานอย่างแพร่หลายอยู่ในเวลานี้ มีกิ่งตอนเท่าไหร่ขายหมดเกลี้ยงต้องรอเป็นรุ่นๆหลายเดือน
อะโวคาโด มีชื่อวิทยาศาสตร์และมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เหมือนกับต้น “อะโวคาโด” ทั่วไปเกือบทุกอย่าง แต่ต้นของ “อะโวคาโด” สายเลือดไทยจะสูงเพียงแค่ 3-5 เมตรเท่านั้น ใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรูปรีปลายแหลมมีติ่ง โคนป้าน ดอกออกเป็นช่อตามซอกใบและกิ่งก้าน ดอกเป็นสีครีม “ผล” รูปทรงกลมหรือรูปหยดน้ำ ผลมีขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยระหว่าง 3 กรัมต่อผล มีดอกและติดผลปลายเดือนธันวาคมต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป จากนั้นผลจะแก่เก็บผลกินหรือขายได้ในช่วงเดือนกันยายน–ตุลาคมทุกปี หากเก็บผลอ่อนจะมีรสชาติขม ผลแก่จัดรสชาติมันกรอบอร่อยมาก ปลูกแล้วโตไวให้ผลผลิต 3-4 ปีเท่านั้น
มีกิ่งตอนแท้ ขายติดต่อ “คุณบุญลือ สุขเกษม” โทร. 08–4772–6443, 08–6618–1453 หรือที่งานเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เกษตรแฟร์ ม.เกษตรฯ บางเขน กทม. ระหว่างวันที่ 21–30 มิ.ย.61 โซนเอฟ 37–38 ราคาสอบถาม กันเองครับ.
“นายเกษตร”
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ลิงค์ : https://www.thairath.co.th/content/1311976